Custom Search By Google

Search By Google

๒๕๕๑/๐๗/๑๗

ความเชื่อที่นำไปสู่ชัยขนะ


วันนี้ ผมจะขอพูดถึงความเชื่อ โดยเป็นความเชื่อที่นำไปสู่ชัยชนะ นำไปสู่ผลสำเร็จในที่สุด ซึ่งเป็นความเชื่อที่พระองค์ทรงโปรดปราน

คริสเตียนทุกคน เมื่อได้เชื่อแล้ว ก็จะนำไปสู่ความรอดในที่สุด และได้รับความรอดแล้ว

แต่ในชีวิตคริสเตียนประจำวัน เราจะต้องดำเนินด้วยความเชื่อในแต่ละวัน ซึ่งเป็นขบวนการที่สำคัญมากของชีวิตคริสเตียน เพราะการดำเนินชีวิตด้วยความเชื่อนั้น เป็นการรักษาความรอดที่เราได้รับจากพระเจ้า

วันนี้จะขอแบ่งปันพระวจคำจากพระธรรมโยชูวา บทที่ 6

"1 เพราะเหตุคนอิสราเอลเมืองเยรีโคต้อง ถูกปิดไว้ไม่มีคนเข้าออกได้เลย
2 พระเจ้าตรัสกับโยชูวาว่า “ดูแน่ะเราได้มอบเมืองเยรีโคไว้ในมือเจ้าแล้ว ทั้งกษัตริย์และทแกล้วทหาร
3 เจ้าทั้งหลายจงเดินขบวนรอบเมือง คือให้บรรดาทหารไปรอบเมืองครั้งหนึ่ง เจ้าจงทำเช่นนี้หกวัน
4 ให้ปุโรหิตเจ็ดคนถือเขาแกะเจ็ดคันนำหน้าหีบ และในวันที่เจ็ดนั้นเจ้าทั้งหลายจงเดินรอบเมืองเจ็ดครั้ง ให้ปุโรหิตเป่าเขาแกะไปด้วย
5 และเมื่อเขาเป่าเขาแกะเป็นเสียงยาว พอเจ้าได้ยินเสียงเขาแกะนั้น ก็ให้ประชาชนทั้งปวงโห่ร้องขึ้นด้วยเสียงอันดัง กำแพงเมืองนั้นก็จะพังลงราบ และประชาชนจะขึ้นไป ทุกคนต่างตรงไปข้างหน้าตน”
6 ฝ่ายโยชูวาบุตรนูนจึงเรียกปุโรหิตมาสั่งว่า “จงยกหีบพันธสัญญาขึ้นหามไป ให้ปุโรหิตเจ็ดคนถือแตรเขาแกะเจ็ดคันเดิน นำหน้าหีบแห่งพระเจ้า”
7 และท่านสั่งประชาชนว่า “จงออกเดินรอบเมืองนั้น ให้ทหารถืออาวุธเดินข้างหน้าหีบแห่งพระเจ้า”
8 เมื่อโยชูวาบัญชาแก่ประชาชนแล้ว ปุโรหิตเจ็ดคนที่ถือเขาแกะเจ็ดคันต่อ พระพักตร์พระเจ้าก็เดินข้างหน้าเป่าเขาแกะไป และมีหีบพันธสัญญาแห่งพระเจ้าตามเขามา
9 และทหารถืออาวุธเดินอยู่หน้าปุโรหิตผู้เป่าเขาแกะ และกองระวังหลังก็เดินตามหีบฝ่ายเขาแกะนั้นก็เป่า อยู่เรื่อยไป
10 แต่โยชูวาบัญชาประชาชนว่า “ท่านอย่าโห่ร้อง อย่าให้ใครได้ยินเสียงของท่าน อย่าให้ถ้อยคำหลุดออกจากปากของท่านทั้งหลายเลย จนกว่าจะถึงวันที่ข้าพเจ้าบอกให้ท่านโห่ร้อง ท่านจึงโห่ร้องกัน”
11 ท่านได้กระทำให้หีบแห่งพระเจ้าเวียนรอบเมืองดังนี้แหละ คือเวียนรอบหนึ่งเที่ยวเขาก็กลับเข้าค่าย นอนค้างคืนอยู่ในค่ายนั้น
12 โยชูวาตื่นขึ้นแต่เช้าและปุโรหิตก็ยกหีบแห่งพระเจ้าขึ้นหาม
13 และปุโรหิตเจ็ดคนถือเขาแกะเจ็ดคันเดิน หน้าหีบแห่งพระเจ้าเป่าเขาแกะเรื่อยไป และทหารถืออาวุธก็เดินอยู่ข้างหน้าเขา และกองระวังหลังก็เดินอยู่ข้างหลังหีบแห่งพระเจ้า ฝ่ายเขาแกะก็เป่าเรื่อยไป
14 และในวันที่สองเขาก็ เดินรอบเมืองนั้นครั้งหนึ่งแล้วกลับเข้าค่ายอีก เขาทำเช่นนี้อยู่หกวัน
15 ในวันที่เจ็ด เขาลุกขึ้นแต่เช้าตรู่ เดินกระบวนรอบเมืองอย่างเคยเจ็ดครั้ง เฉพาะวันเดียวนั้นเขาได้เดินกระบวนรอบเมืองเจ็ดครั้ง
16 ในครั้งที่เจ็ด เมื่อปุโรหิตเป่าเขาแกะ โยชูวาบอกแก่ประชาชนว่า “จงโห่ร้องขึ้นเถิด เพราะพระเจ้าทรงมอบเมืองให้แก่ท่านแล้ว
17 เมืองนั้นและสารพัดในเมืองนั้นเป็นของที่ต้อง ทำลายถวายแด่พระเจ้า เว้นแต่ราหับหญิงโสเภณีกับคนทั้งหลายที่อยู่ใน เรือนของนางจะรอดชีวิต เพราะว่านางได้ซ่อนผู้สื่อสารที่พวกเราใช้ไป
18 แต่ส่วนท่านทั้งหลายจงห่างไกลจากของ ที่ต้องทำลายถวายนั้น เกรงว่าเมื่อท่านทั้งหลายได้ถวายสิ่งเหล่านั้นแล้ว ท่านจะเก็บสิ่งที่ถวายแล้วนั้นไว้บ้าง ก็จะทำให้ค่ายของคนอิสราเอลเป็นสิ่งที่ต้องทำลาย และนำความทุกข์ลำบากมาสู่
19 แต่บรรดาเงินและทอง และเครื่องใช้ที่ทำด้วยทองสัมฤทธิ์ และเหล็กเป็นของถวายแด่พระเจ้า ให้นำเข้าไปไว้ในคลังของพระเจ้า”
20 เหตุฉะนั้นประชาชนก็โห่ร้อง และแตรก็เป่า พอประชาชนได้ยินเสียงเขาแกะ เขาก็โห่ร้องดัง และกำแพงก็พังลงราบ ประชาชนจึงขึ้นไปในเมือง ทุกคนต่างตรงไปข้างหน้าตนและเข้ายึดเมืองนั้น" (เยรีโค 6:1-20)

ความเชื่อ เป็นเรื่องใหญ่มาก สำหรับคนที่ได้มารู้จักพระเจ้า ความเชื่อเป็นตัวกำหนดอนาคตของการดำเนินชีวิตของเราตลอดเวลา และพระเจ้ามักจะท้าทายเราเสมอ ให้เรามีความเชื่อในพระองค์

หลาย ๆ คนที่ออกมาเป็นพยาน นี่เป็นสิ่งที่น่ายกย่องมาก เพราะเป็นการยืนยันของคนเหล่านั้น ถึงชีวิตที่มีความเชื่อในพระองค์

หนังสือโยชูวา พูดถึงความเชื่อของชาวอิสราเอลที่มีต่อพระเจ้า เมื่อชนชาติอิสราเอลรับพระบัญญัติของพระเจ้าในการดำเนินชีวิต และพวกเขาได้รับการสัญญาจากพระเจ้าว่า พระองค์จะทรงนำพวกเขากลับไปสู่แคว้นคานาอัน แต่ปัญหาของอิสราเอล คือ การดำเนินชีวิตเพื่อไปสู่สิ่งที่พระเจ้าทรงจัดเตรียมให้กับเรา บางครั้งมีอุปสรรค ไม่ง่ายสักเท่าไหร่ และอิสราเอลในตอนนี้ก็เช่นกัน พวกเขาข้ามเข้าไป กำลังจะได้แผ่นดินแห่งพันธสัญญาแล้ว แต่มีสิ่งสิ่งหนึ่งที่ขวางทางของเขา ก็คือ เมืองเยรีโค ซึ่งเมืองเยรีโคนี้ ทำให้ฝันของชาวอิสราเอลสลาย ทำให้เขาหมดหวัง สิ้นหวัง และมองไม่เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า

ในพระคัมภีร์ตอนนี้ บอกว่า เมื่ออิสราเอลเจอเมืองเยรีโค สิ่งที่พระเจ้าทรงตรัสแก่พวกเขา ก็คือ "ดูแน่ะเราได้มอบเมืองเยรีโคไว้ในมือเจ้าแล้ว" (ข้อที่ 2) ซึ่งพระดำรัสในตอนนี้ นำให้เราเห็นว่า พระเจ้านั้นยิ่งใหญ่ พระองค์ทรงอยู่เหนือปัญหาต่าง ๆ ของพวกเขา เพื่อให้อิสราเอลมีใจกล้า ที่จะเผชิญหน้ากับเมืองเยรีโค หนุนใจให้อิสราเอลไม่ต้องกลัว และสิ่งที่ต้องทำ ก็คือ เชื่อฟังพระดำรัสของพระเจ้า ซึ่งจะเป็นหนทางที่จะช่วยกู้ชีวิตเราให้พ้นจากอุปสรรคต่าง ๆ

"เหตุฉะนั้นประชาชนก็โห่ร้อง และแตรก็เป่า พอประชาชนได้ยินเสียงเขาแกะ เขาก็โห่ร้องดัง และกำแพงก็พังลงราบ" (โยชูวา 6:20)

แต่การที่จะได้เมืองเยรีโคนี้ เขาจะต้องผ่านการทดสอบแห่งความเชื่อ เพื่อเป็นการพิสูจน์ว่าเขาได้เชื่อฟังตามพระดำรัสของพระเจ้าหรือไม่ เพียงแค่เดินรอบเมืองเยรีโค เพียงแค่กระทำตามนี้ ก็จะได้เมืองเยรีโคในที่สุด และจากพระธรรมได้บอกชัดเจนว่า พวกอิสราเอลได้เชื่อฟังพระเจ้า และได้เมืองเยรีโคในที่สุด

หลายครั้ง การดำเนินชีวิตคริสเตียนของพวกเรา ก็ได้เจออุปสรรค ดังเช่นเมืองเยรีโคบ่อย ๆ บางคนอาจจะเกิดข้อสงสัยต่าง ๆ มากมาย แต่จะขอหนุนใจว่า ต่อให้จะมีเยรีโคกี่แห่ง เราก็มีวิธีที่สามารถผ่านมันไปได้ เพราะว่าพระเจ้าของเรา ก็คือพระเจ้าองค์เดียวกับพระคัมภีร์ตอนนี้ พระองค์ทรงรักเรา และทรงยิ่งใหญ่มาก จะทรงสามารถผ่านไปได้อย่างแน่นอน เพียงแค่เราดำเนินชีวิตด้วยความเชื่อ เพื่อผ่านพ้นจากการทดสอบแห่งความเชื่อเหล่านี้ไปได้

บางครั้ง เยรีโคก็เกิดขึ้นในชีวิตพวกเรา เกิดขึ้นเพื่อให้เราได้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า

หลายครั้งที่เราทำงานยุ่ง ทำการรับใช้มากมาย จนไม่มีเวลาที่จะอธิษฐาน ไม่มีเวลาที่อ่านพระคัมภีร์ แล้วพระเจ้าทรงส่ง "เยรีโค" ขึ้นมาในชีวิตของเรา เพื่อให้เราได้อธิษฐาน เข้าเฝ้าพระองค์ เพื่อเป็นการสอนเรา

แต่บางครั้งที่พระเจ้าทรงตรัสกับเรา เราอาจจะรู้สึกว่าเกินความจริง และเราอาจจะรู้สึกขำ ดังเช่นที่นางซาราห์รู้สึกขำ ตอนที่พระเจ้าทรงตรัสแก่เขาว่า เขาจะสามารถคลอดบุตรได้ แต่นี่แหละ จะเป็นสิ่งที่จะต้องทำให้เราใช้ความเชื่อ

คนที่ติดคุกนั้น มีความหวังของพวกเขาก็คือ การอภัยโทษจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ดังนั้นนักโทษทุกคนจะมีความหวัง และเป็นความฝันที่เป็นความจริง พวกเขาจะรอคอยวันที่ 5 ธันวาคม ระหว่างที่เขาอยู่ในคุก จะมีบททดสอบเช่นเดียวกัน เพื่อจะทดสอบว่าเขาจะสามารถรับอภัยโทษได้หรือไม่ ทุก ๆ วันเขาต้องฝึกฝนชีวิต และพยายามทำตัวให้ดีที่สุด เพราะนักโทษที่อยู่ในเกณฑ์ เยี่ยม และยอดเยี่ยม จึงจะมีโอกาสได้รับอภัยโทษในที่สุด

พี่สาวของผมคนหนึ่ง เป็นโรคไตเสื่อม ซึ่งจำเป็นต้องฟอกไต ซึ่งเจ็บปวดมาก ผมในฐานที่เป็นคริสเตียน จึงบอกเขาว่า จะอธิษฐานให้ เพราะผมเชื่อว่าพระเจ้าทรงสามารถช่วยได้ สามีของเขาก็หัวเราะ ว่าคำอธิษฐานนั้นจะช่วยได้อย่างไร ผมก็ได้อธิษฐานท่ามกลางเสียงหัวเราะของคนรอบข้าง วันต่อมา ก็ได้โทรไปถามเขาอีกที เขาบอกว่า ดีมาก ไม่เจ็บเลย ขอบคุณพระเจ้า

แม้ว่า สิ่งที่พระเจ้าทรงตรัสให้เราทำ อาจจะเป็นสิ่งที่คนรอบข้างนั้นดูแล้วหัวเราะ แต่ขอให้ชีวิตคริสเตียนของเราจะเป็นชีวิตที่อยู่บนพื้นฐานของความเชื่อมั่นในพระเจ้าจริง ๆ แล้วในที่สุด พระเจ้าจะทรงนำให้เรามีชัยได้ เมื่อไหร่ที่เราใช้ความเชื่อ พระเจ้าจะทรงใช้ความเชื่อของเรา เพื่อให้เราและคนรอบข้างที่ได้เห็นความยิ่งใหญ่ของพระเจ้าในที่สุด



ศจ. สุนทร สุนทรธาราวงศ์

คำแบ่งปันคณะเพื่อคุณ คริสตจักรสะพานเหลือง เมื่อวันที่ 20/04/2008

เรื่อง ความเชื่อที่นำไปสู่ชัยชนะ

สรุปโดย ธีรยสถ์ นิมมานนท์

ไม่มีความคิดเห็น: