Custom Search By Google

Search By Google

๒๕๕๑/๐๗/๑๒

ใจเดียวกันและเชื่อเดียวกัน และเราจะมีชัย

สรุปคำเทศนา
ชื่อเรื่อง ใจเดียวกันและเชื่อเดียวกัน และเราจะมีชัย
เทศนาโดย อ.โยชิฮิโกะ ฮิตากะ
วันที่ 17 กรกฎาคม 05

คำนำ

พระธรรม มาระโก 2:1-12 กล่าวว่า ครั้นล่วงไปหลายวัน พระองค์ได้เสด็จ ไปเมืองคาเปอรนา อุมอีก และคนทั้งหลายได้ยินว่าพระองค์ประทับที่บ้าน ก็มาชุมนุมกันจนเต็มเข้าประตูไม่ได้ มีสี่คนหามคนง่อยคนหนึ่งมาหาพระองค์ เขาจึงรื้อดาดฟ้าหลังคาตรงที่พระองค์ประทับนั้น

เมื่อเขารื้อเป็นช่องแล้ว เขาก็หย่อนแคร่ที่คนง่อยนอนอยู่ เมื่อพระเยซูทรงเห็น ความเชื่อของ เขาทั้งหลาย พระองค์จึงตรัสกับคนง่อยว่า “ลูกเอ๋ยบาปของเจ้าได้รับอภัยแล้ว” แต่พวกธรรมจารย์ บางคนนั่งอยู่ที่นั่น และคิดในใจว่า “ทำไมคนนี้พูดเช่นนี้ หมิ่นประมาทพระเจ้านี่ ใครยกความ ผิดบาป ได้เว้นแต่พระเจ้าเท่านั้น” และทันใดนั้นพระเยซูทรงทราบ ในพระทัยว่าเขาคิด ในใจอย่างนี้ จึงพูดว่า บุตรมนุษย์มีสิทธิอำนาจ ในโลกที่จะทรงโปรดยกความผิดบาปได้ พระองค์จึงตรัสสั่งคนง่อยว่า “จงลุกขึ้นยกแคร่ไป” คนง่อยก็ลุกขึ้น แล้วยกแคร่ ของตนเดินออก ไปต่อหน้าคนทั้งปวง

คนทั้งหลายก็ประหลาดใจนัก จึงสรรเสริญพระเจ้าว่า “เราไม่เคย เห็น เช่นนี้เลย” เมืองคาเปอรนาอุมเป็นเมืองที่ พระเยซูเริ่มประกาศพระกิตติคุณครั้งแรก เพราะในหมู บ้าน นาซาเร็ธ ที่พระองค์อยู่ไม่มีใครยอมรับพระองค์ พระธรรมตอนนี้ ได้กล่าวถึง พระองค ์ประทับที่บ้านหลังหนึ่ง ในพระคัมภีร์ไม่ได้บอกราย ละเอียดว่า เป็นบ้าน ของใคร แต่เขาสันนิฐาน กันว่า น่าจะเป็นบ้านของเปโตร เพราะพระเยซูเคยรักษาแม่ยายของ เปโตรที่เมืองคาเปอรนาอุมนี้ พระธรรมตอนนี้สอนเรา คือ


1.มีใจเดียวกัน และความเชื่อเดียวกัน ข้าพเจ้าอยากจะบอกว่าทั้งสี่คนนี้ มีความเชื่อเดียว กันและมีใจเดียวกัน พวกเขาเชื่อว่าพระเยซูเป็นพระผู้ช่วย ให้รอดสามารถ รักษาคน ง่อยที่เขา พามานี้ได้ และมีใจเดียวกันที่จะพาคนง่อยคนนี้ไปหาพระเยซูให้ถึงให้ได้ เพราะว่าแม้ ว่าจะเจอกับอุปสรรคมากมาย เริ่มต้นตั้งแต่ออกจากบ้าน คนง่อยคนนี้อาจจะหนัก ทางอาจจะไกล แถมยังไม่พอเมื่อไปถึงที่พระองค์ประทับแล้วมีแต่คนล้นบ้าน ไม่สามารถที่จะเข้าไปหาพระองค์ แต่พวกเขามีความเชื่อ เขาจึงขึ้นบนดาดฟ้า และรื้อดาดฟ้าหย่อนคนง่อยลงไป ทางที่ขึ้นดาดฟ้า ก็แคบมากแต่เมื่อสี่คนนี้มีใจเดียวกันและมีความเชื่อเดียวกัน อุปสรรคจึงกลาย เป็นอุปกรณ ์ที่คนอื่นเห็นความรักและความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า ทุกคนเห็นก็สรรเสริญพระองค์ เช่นเดียวกับ ในคริสตจักร เราต้องมีใจเดียวกัน และมีความเชื่อเดียวกันด้วย เพื่อพันธกิจการ งานของ คริสตจักรจะ ได้เคลื่อนไปข้างหน้า อย่างรวดเร็วและเคลื่อนไปด้วยวัตถุประสงค์


2.ร่วมมือกัน ในพระธรรม ปัญญาจารได้กล่าวว่า สองคนดีกว่าคนเดียว ฉะนั้น เราจำเป็น อย่างยิ่ง ที่ต้องมีความร่วมมือกัน เหมือนอย่างสี่คนนี้ ที่ช่วยกันหาม คนง่อย พวกเขาต่าง ช่วยกันแก้ ปัญหา และหามคนง่อยไปหาพระองค์จนได้ เพราะความร่วมมือกัน เช่นเดียวกับคริสตจักรของเรา ถ้าเราร่วมมือร่วมใจกันคนละไม้ และคนละมือในการรับใช้พระเจ้า ในแต่ละด้านตาม ความสามารถ และของประทานของเราแต่ละคน คริสตจักรเราจะก้าวไปอย่างรวดเร็วแน่นอน


3.ระวัง และฟังให้ดี เราต้องระวังอะไร? เราต้องระวังเรื่องการมีความเชื่อในพระเยซู ในคณะ แบ๊บติสต์ ต่างก็เชื่อว่าความเชื่อเป็นเรื่องส่วนตัว แต่เมื่อเราดูพระธรรมตอนนี้ เราจะเห็นเป็น กรณีพิเศษ เพราะความเชื่อไม่ใช่เรื่องส่วนตัว แต่เป็นความเชื่อที่เผื่อ คนอื่น สี่คนนี้เชื่อเผื่อ คนง่อยคนนี้ และเพราะความเชื่อของสี่คนนี้ คนง่อยจึงหาย เพราะพระคำตอนนี้ได้กล่าวว่า เมื่อพระเยซูเห็นความเชื่อของพวกเขาทั้งหลาย เช่นเดียวกันในชีวิตความเชื่อ เราต้องเกี่ยว ข้องคนและเกี่ยวข้องกับพี่น้อง เพื่อพี่น้องคนอื่น ๆ จะได้รับความรอด และได้รับการช่วย กู้จากพระองค์

ไม่มีความคิดเห็น: