Custom Search By Google

Search By Google

๒๕๕๑/๐๙/๒๓

เชื่อฟังพระเจ้า

http://www.romyenchurch.org/sermon/06-08-2006.doc

วันที่เทศนา 06 สิงหาคม 2006

หัวข้อเทศนา เส้นทางสู่การถวายพระเกียรติ - ดำเนินชีวิตเชื่อฟังพระเจ้า

ข้อพระคัมภีร์ ลูกา 5:1-11

“เมื่อพระองค์ตรัสสอนเสร็จแล้วจึงตรัสแก่ซีโมนว่า จงถอยออกไปที่ลึกหย่อนอวนจับปลา

ซีโมนทูลถามว่าพระองค์เจ้าข้า ข้าพระองค์ทั้งหลายทอดอวนคืนยังรุ่งไม่ได้อะไรเลย แต่ข้าพระองค์จะหย่อนอวนตามพระดำรัสของพระองค์ เมื่อเขาหย่อนลงแล้วก็ล้อมปลาไว้เป็นอันมาก จนอวนของเขากำลังปริ” (ลูกา 5:4-6)

“And when he had ceased speaking, he said to Simon, "Put out into the deep and let down your nets for a catch." And Simon answered, "Master, we toiled all night and took nothing! But at your word I will let down the nets." And when they had done this, they enclosed a great shoal of fish; and as their nets were breaking,” (Luke 5:4-6)

การให้เกียรติสามารถทำได้หลายรูปแบบ แต่การให้เกียรติที่มีคุณค่าสูงส่งแก่ผู้ที่เราให้ความเคารพนับถือคือ “การเชื่อฟัง” เราเชื่อฟังพ่อ-แม่ ครู อาจารย์ ผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้มีอำนาจระดับต่างๆ แต่การเชื่อฟังระดับสูงสุดที่มอบให้แก่พระเจ้าย่อมแตกต่างจากบุคคลที่ได้กล่าวมาแล้ว เพราะการเชื่อฟังพระเจ้าตั้งอยู่บนฐานของความจงรักภักดี เป็นการยอมจำนน ยอมหมด ยอมอย่างไม่มีข้อแม้ใดๆ เหตุที่เป็นเช่นนี้เพราะพระเจ้าเป็นองค์สัตย์จริง บริสุทธิ์ สมบูรณ์ และทรงไว้ซึ่งอำนาจเหนือทุกสิ่ง เหนือความเป็นและความตาย ชีวิตมีกำเนิดจากพระองค์ พระองค์เป็นผู้กำหนดคุณค่าและแนวทางแห่งชีวิต เราอาจให้การเชื่อฟังมนุษย์ด้วยความศรัทธา แต่เราเชื่อฟังพระเจ้าด้วยความภักดีและศรัทธารวมกัน คริสเตียนมีโอกาสพลาดได้เพราะความอ่อนแอและรู้เท่าไม่ถึงการณ์ แต่จะต้องไม่ใช่จากความจงใจที่จะไม่เชื่อฟัง ความจงใจที่จะขัดขืน คัดค้าน ดันทุรังถือเป็นกบฏจะต้องมีโทษร้ายแรง

ในพระธรรม ธรรมบัญญัติ บทที่ 28 และ 29 พูดถึง ผลดีของการเชื่อฟัง ธรรมบัญญัติ 28:1-14 และผลสนองของการไม่เชื่อฟัง ธรรมบัญญัติ 28:15-68 คริสเตียนควรอ่านประจำเพื่อเพิ่มสติจาก พระธรรมลูกา 5:1-11 เป็นตัวอย่างหนึ่งที่บอกถึงลักษณะของการเชื่อฟังและผลดีที่เกิดจากการเชื่อฟัง


I. ทัศนคติต่อพระคำของพระเจ้า 1 ซามูเอล 15:1-23

“และซามูเอลกล่าวว่า พระเจ้าทรงพอพระทัยในเครื่องเผาบูชาและเครื่องสัตวบูชามากเท่ากับการที่จะเชื่อฟังพระสุรเสียงของพระองค์หรือ ดูเถิดที่จะเชื่อฟังก็ดีกว่าเครื่องสัตวบูชาและซึ่งจะสดับฟังก็ดีกว่าไขมันของบรรดาแกะผู้ เพราะการกบฎก็เป็นเหมือนบาปแห่งการถือฤกษ์ถือยาม และความดื้อดึงก็เป็นเหมือนบาปชั่วและการไหว้รูปเคารพ เพราะเหตุที่ท่านทอดทิ้งพระวจนะของพระเจ้า พระองค์จึงถอดท่านออกจากตำแหน่งกษัตริย์” (1 ซามูเอล 15:22-23)

“And Samuel said, "Has the LORD as great delight in burnt offerings and sacrifices, as in obeying the voice of the LORD? Behold, to obey is better than sacrifice, and to hearken than the fat of rams. For rebellion is as the sin of divination, and stubbornness is as iniquity and idolatry. Because you have rejected the word of the LORD, he has also rejected you from being king."(1 Samuel 15:22-23)


ชีวิตของพระเยซูคริสต์ในโลกทั้งคำสอนและการกระทำ พระองค์พยายามให้สาวกของพระองค์เข้าใจ หัวใจของการเป็นสาวก คือ การเชื่อฟังพระเจ้า ข้อพิสูจน์ความเป็นสาวกแท้คือ ทัศนคติของผู้นั้นที่มีต่อพระคำของพระเจ้าอย่างไร พระเยซูทดสอบสาวกของพระองค์ครั้งแล้วครั้งเล่าเรื่องการเชื่อฟัง ในพระธรรม ลูกา 5:1-11 ก็เป็นการทดสอบทัศนคติของเปโตรว่าเขาจะมีทัศนคติต่อพระคำของพระองค์อย่างไร ท่าทีของเราต่อพระคำของพระเจ้าคือรากฐานสำคัญที่จะนำผลดีหรือผลร้ายมาสู่ชีวิต เราจะปฏิบัติต่อพระคำ เหมือนกับ คำของมนุษย์ไม่ได้ เพราะมนุษย์อาจพูดพล่อยๆ ใครจะเชื่อหรือไม่เชื่อ จะปฏิบัติหรือไม่ปฏิบัติก็ได้ แต่พระคำของพระเจ้าไม่ได้ว่าจะเป็นพระสัญญา พระบัญชา หรือพระบัญญัติ เป็นสิ่งที่มนุษย์จะต้องเคารพและปฏิบัติตามโดยปราศจากเงื่อนไข ฉะนั้นเมื่อใดที่อ่านพระคำ ฟังพระคำ ศึกษาพระคำ อย่าทำให้ใจแข็งกระด้าง ดื้อดึง แต่ต้องมีใจนอบน้อมพร้อมปฏิบัติ สำหรับพระเจ้า ใจเชื่อฟัง สำคัญกว่าศาสนพิธี และศาสนกิจ และรวมทั้งเครื่องถวายทั้งหลาย ไม่มีอะไรสามารถทดแทนการเชื่อฟัง





II. เรียนจากพระเยซูคริสต์ มัทธิว 11:28, ฟีลิปปี 2:4-8, ฮีบรู 5:8

“จงเอาแอกของเราแบกไว้แล้วเรียนจากเรา” (มัทธิว 11:29)

“Take my yoke upon you, and learn from me;” (Matthew 11:29)

“ท่านจงมีน้ำใจต่อกันเหมือนอย่างที่มีในพระเยซูคริสต์ ผู้ทรงสภาพของพระเจ้า แต่มิได้ทรงถือว่าการเท่าเทียมกับพระเจ้านั้นเป็นสิ่งที่ต้องยึดถือ แต่ได้กลับทรงสละ และทรงรับสภาพทาส ทรงถือกำเนิดเป็นมนุษย์และเมื่อทรงปรากฏพระองค์ในสภาพมนุษย์แล้ว พระองค์ก็ทรงถ่อมพระองค์ยอมเชื่อฟังจนถึงความมรณา กระทั่งความมรณาที่กางเขน” (ฟีลิปปี 2:5-8)

“Have this mind among yourselves, which is yours in Christ Jesus, who, though he was in the form of God, did not count equality with God a thing to be grasped, but emptied himself, taking the form of a servant, being born in the likeness of men. And being found in human form he humbled himself and became obedient unto death, even death on a cross” (Philippians 2:5-8)

“ฝ่ายพระเยซู ขณะเมื่อพระองค์ทรงเป็นมนุษย์อยู่นั้น พระองค์ได้ทรงร้องอธิษฐาน และทูลวิงวอนด้วยน้ำพระเนตรไหลต่อพระเจ้าผู้ทรงสามารถช่วยพระองค์ให้พ้นจากความตายได้ และพระเจ้าได้ทรงสดับฟังเนื่องด้วยความยำเกรงของพระเยซู ถึงแม้ว่าพระองค์ทรงเป็นพระบุตร พระองค์ก็ทรงเรียนรู้ที่จะนอบน้อมยอมเชื่อฟังด้วยความทุกข์ลำบากที่พระองค์ได้ทรงทน” ( ฮีบรู 5:7-8)

“In the days of his flesh, Jesus offered up prayers and supplications, with loud cries and tears, to him who was able to save him from death, and he was heard for his godly fear. Although he was a Son, he learned obedience through what he suffered” (Hebrews 5: 7-8)

พันธกิจสำคัญของพระเยซูคริสต์ในโลกสรุปแล้วมี 3 ประการ ด้วยกันคือ

สำแดงมนุษย์ตามแบบพระฉายของพระเจ้า
สำแดงพระเจ้าหรือเป็นพระฉายของพระเจ้าที่ไม่ประจักษ์แก่ตา
ถวายชีวิตเป็นเครื่องบูชาไถ่บาปมนุษย์


พระเยซูคริสต์ดำเนินชีวิตในความเชื่อฟัง ทำตามพระดำริ สละผลประโยชน์แห่งตน แน่วแน่และเด็ดเดี่ยวที่จะทำให้น้ำพระทัยของพระเจ้าในสวรรค์สำเร็จในแผ่นดินโลกนี่คือแบบ อย่างที่สมบูรณ์ที่เราจะยึดถือ เชื่อฟังพระองค์อยู่เหนือเรื่องส่วนตัว

III. ผลแห่งการเชื่อฟัง ฟีลิปปี 2:9, เฉลยธรรมบัญญัติ 30:8,20

“เหตุฉะนั้น (เหตุแห่งการเชื่อฟัง) พระเจ้าจึงได้ทรงยกพระองค์ขึ้นอย่างสูงและได้ประทานพระนามเหนือนามอื่นทั้งปวงให้แก่พระองค์” ( ฟีลิปปี 2:9)

“Therefore God has highly exalted him and bestowed on him the name which is above every name” (Philippians 2:9)

“และท่านทั้งหลายจะฟังเสียงของพระเจ้าอีก และรักษาพระบัญญัติทั้งสิ้นของพระองค์ ซึ่งข้าพเจ้าบัญชาท่านทั้งหลายในวันนี้ พระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่านจะกระทำให้ท่านจำเริญมั่งคั่งอย่างยิ่ง ในกิจการที่มือของท่านกระทำ ในพงศ์พันธุ์ของตัวท่านเอง และในผลแห่งฝูงสัตว์ของท่าน และในผลแห่งพื้นดินของท่าน เพราะพระเจ้าจะทรงพอพระทัยที่จะให้ท่านจำเริญมั่งคั่ง ดังที่พระองค์ทรงปลื้มปิติในบรรพบุรุษของท่าน” ( เฉลยธรรมบัญญัติ 30:8-9)

“And you shall again obey the voice of the LORD, and keep all his commandments which I command you this day. The LORD your God will make you abundantly prosperous in all the work of your hand, in the fruit of your body, and in the fruit of your cattle, and in the fruit of your ground; for the LORD will again take delight in prospering you, as he took delight in your fathers” (Deuteronomy 30:8-9)

“ด้วยมีความรักต่อพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่าน เชื่อฟังพระสุรเสียงของพระองค์และติดพันอยู่กับพระองค์กระทำเช่นนั้นจะได้ชีวิตและความยืนนานเพื่อท่านจะได้อยู่ในแผ่นดินซึ่งประเจ้าทรงปฏิญาณ” (เฉลยธรรมบัญญัติ 30:20)

“loving the LORD your God, obeying his voice, and cleaving to him; for that means life to you and length of days, that you may dwell in the land which the LORD swore to your fathers, to Abraham, to Isaac, and to Jacob, to give them” (Deuteronomy 30:20)

“พระองค์ตรัสว่า ถ้าเจ้าทั้งหลายจะฟังพระสุรเสียงของพระเจ้าของเจ้า และกระทำสิ่งที่ชอบในสายพระเนตรของพระองค์ เงี่ยหูฟังพระบัญญัติของพระองค์และปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ของพระองค์ทุกประการ แล้วโรคต่างๆ ซึ่งเราบันดาลให้เกิดแก่ชาวอียิปต์นั้น เราจะไม่ให้บังเกิดแก่เจ้าเลยเพราะเราคือ พระเจ้า แพทย์ของเจ้า” (อพยพ 15:26)

“saying, "If you will diligently hearken to the voice of the LORD your God, and do that which is right in his eyes, and give heed to his commandments and keep all his statutes, I will put none of the diseases upon you which I put upon the Egyptians; for I am the LORD, your healer.”(Exodus 15:26)
“.......แต่ข้าพเจ้าจะหย่อนอวนลงตามพระดำรัสของพระองค์ และเมื่อเขาหย่อนอวนแล้วก็ล้อมปลาไว้เป็นอันมาก จนอวนเขากำลังปริ” ( ลูกา 5:5-6)

“……..But at your word I will let down the nets." And when they had done this, they enclosed a great shoal of fish; and as their nets were breaking,” (Luke 5:5-6)

จากข้อพระธรรมที่ได้อ้างแล้วจะพบผลดีของการเชื่อฟังอย่างมากมาย ถึงแม้ว่าเราอาจไม่สามารถทำได้สมบูรณ์ครบถ้วนทุกประการ แต่ถ้าท่าทีของเราถูกต้องต่อพระเจ้าและพระคำของพระองค์ พระองค์จะช่วยเสริมกำลัง และอวยพรเราเพราะเราพึ่งในพระคุณของพระเยซูคริสต์เจ้า ในสายตาพระเจ้า เราสมบูรณ์แล้วในพระคริสต์ คงสมบูรณ์ในภาคปฏิบัติจะเกิดขึ้นเมื่อเรามีใจ เชื่อฟังพระองค์


ในวันนี้ให้เราร่วมกันถวายเกียรติแก่พระเจ้าด้วย

ท่าทีหรือทัศนคติที่ถูกต่อพระคำ อย่ามีใจดื้อแข็งกระด้าง แต่อ่อนน้อมพร้อมนำไปปฏิบัติ
ให้ชีวิตแห่งการเชื่อฟังของพระเยซู ขณะอยู่ในโลกเป็นแรงบันดาลใจและน้อมนำมาเป็นแม่แบบในชีวิต
ผู้ที่ถวายเกียรติพระองค์ด้วยการเชื่อฟัง จะรับพระพรทั้งในชีวิตส่วนตัว ครอบครัว หน้าที่การงาน และส่งผลไปยังลูกหลานต่อๆ ไป

ไม่มีความคิดเห็น: